Day 14 from Flufftober
“อาเธอร์ เคอร์รี่ ฉันได้ยินว่านายพูดกับปลาได้”
อะไรบางอย่างมักไม่เป็นตามที่คิดเสมอ โดยเฉพาะเวลาคู่สนทนาเป็นคนป่าเถื่อน
Fictober
Plot : day 14 from Flufftober
Story : Cuddle (or not?)
Fandom : DCEU (Justice league 2017)
Rate : PG-15
Pairing : Arthur Curry/Bruce Wayne (AquaBat)
Type : Banter, Allure, Funny, Hypothermia, Skinship
Talk : สวัดสีค่ะ ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียว ‘ที่เขียนเสร็จ’ จากความตั้งใจแต่ง Fictober อื่นๆนี่ไม่จบสักทีก็เลยวัน….เราคงไม่เหมาะกับ Fictober จริงๆค่ะ..
เรื่องเล่าจากครั้งแรกที่บรูซพบอาเธอร์ใน Trailer JL ตัวแรกค่ะ ตามลิ้งค์นี้ ติดตลกนิดๆ ขอให้สนุกค่ะ
Theme Song : Karmina – All The King’s Horses
**********************
Bruce POV
“พูดจาดีๆนะครับ มาสเตอร์เวย์น” อัลเฟรดเตือน
“ห้ามหาเรื่องนะ” ไดอาน่าย้ำทิ้งท้าย
พวกเขาพูดมากกว่านั้นอีกสองสามประโยคก่อนบรูซจะขึ้นยาน ย้ำแล้วย้ำอีกราวกับการเดินทางครั้งนี้สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดสงคราม
“รู้แล้ว”
บรูซ เวย์นเคยสานสัมพันธ์กับบุคคลอันตรายมานักต่อนัก แค่คนจับปลาจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้
‘แค่พูดดีๆ เท่านั้น’
“อาเธอร์ เคอร์รี่ ได้ยินว่านายพูดกับปลาได้”
‘คงต้องกลับไปเลี้ยงข้าวไดอาน่าไถ่โทษ’
การถูกยกตัวลอยกระแทกกำแพงขู่ขวัญยังคงอยู่ในการคาดการณ์ แต่ใครจะคิดว่าหลังประโยคหยอกไม่จริงจังนั้น ตัวเองจะถูกเหวี่ยงลงทะเลไปนั่งคุยกับปลาพร้อมเสียงคำราม
อะไรบางอย่างมักไม่เป็นตามที่คิดเสมอ โดยเฉพาะเวลาคู่สนทนาเป็นคนป่าเถื่อน
เหมือนร่างกายถูกอาบด้วยรังสีเยือกแข็ง หนาวสั่นไปทั้งตัวกระทั่งฟันกระทบไม่หยุด พูดไม่เป็นประโยค ชาดิกบริเวณปลายนิ้วและปลายเท้าขนาดต่อให้มีคนเอามีดมาบั่นออกคงแทบไม่รู้สึก
“ดื่มนี่ซะ จะได้อุ่นขึ้น” แก้วเหล็กบรรจุเหล้าร้อนๆ ยื่นออกมาแทบติดจมูก บรูซเงยหน้ามองจากกองผ้านวมที่ถูกอีกคนจับพันตัวสามรอบถ้วนด้วยสายตาแหลมคม
“ไม่ต้องมามองแบบนั้น นายกวนก่อน”
ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงกว่าเดิม
อาเธอร์เพียงกลอกตาและแนบขอบแก้วกับริมฝีปากซีดขาวยิ่งขึ้น “ดื่มซะ ถ้าจะด่าก็ใช้ปากด่า ฉันขี้เกียจนั่งทายคำ”
บรูซเลือกเม้มปาก จ้องมองคนสูงกว่าไม่เลิก สื่อคำนับพันที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาในที่สาธารณะ หากมือไม่โดนความหนาวแช่เสียสั่นเทาทำอะไรไม่ได้ แก้วเหล็กคงถูกเหวี่ยงกลับไปฟาดหน้าของ ‘เพื่อนร่วมทีม’ ซึ่งเข้าข่ายเป็นสิ่งตรงข้ามมากขึ้นทุกที
ดวงตาสีเทาอ่อนผิดมนุษย์อ่อนลงเล็กน้อย “ดื่มซะ..ฉันไม่ชอบเห็นคนทรมาน”
แบทแมนก้มลงมองผ่านปลายจมูกไปยังผิวน้ำสีทอง โชยกลิ่นแอลกอฮอล์หอมเตะจมูก ชั่งใจอยู่สักพักก่อนเผยอริมฝีปากจิบเล็กน้อยโดยพยายามไม่สนใจรอยยิ้มกว้างราวกับชนะอะไรสักอย่างของอีกคน เพ่งสมาธิกับสัมผัสอุ่นไหลลื่นลงคอไปประจบที่ท้อง บรรเทาอาการหนาวเยือกแทบขยับไม่ได้ให้ทุเลาลงตามจำนวนครั้งการดื่ม
เมื่อบรูซสามารถประคองแก้วไว้ในมือได้ด้วยตัวเองก็ปะกับรอยยิ้มมุมปากบนใบหน้าติดดุ คิ้วเข้มแหว่งรอยมีดโกนเลิกขึ้นราวรอผล
บรูซลองพูดอย่างไม่ลังเล
“F..uck..Yo..u”
กระท่อนกระแท่นบ้างแต่คงฟังได้ศัพท์ ดูได้จากเสียงหัวเราะลั่นถูกใจของอาเธอ เคอร์รี่
————-
Arthur POV
“..ทำ..อะไร?”
อาเธอร์ชะงักมือที่กำลังปลดกางเกงลง ก่อนเงยมองกองผ้าห่มพูดได้บนเตียง เจ้าคนเมืองนั่นใช้สายตาจับผิดปนหาเรื่องใส่กางเกงที่หมิ่นจะร่วงลงพื้น
“ฉันไม่ใส่เสื้อผ้านอน” เขาไขข้อข้องใจ
“ที่ไหน..?”
“อะไรที่ไหน..?”
“นาย..จะ..นอนที่ไหน”
“เห็นเตียงอื่นแถวนี้หรือไง มันก็ต้อง ‘นั่น’ อยู่แล้ว” พูดพลางชี้ไปยังเตียงที่คนตัวพอกันยึดอยู่ และรีบย้ำทันทีหลังเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับ “นี่บ้านฉัน เตียงฉัน ฉันจะนอนแก้ผ้าตรงไหนก็ได้ เวย์น”
“พื้นนั่น…ก็ของนาย..น่าจะนอนสบาย”
‘วอนแล้วเจ้านี่’
“ฉัน – จะ – นอน – เตียง” อาเธอร์ย้ำ กระแทกสำเนียงถิ่นชัดถ้อยชัดคำ
เวย์นเม้มปากที่เริ่มกลับมามีสีเลือดเล็กน้อยเข้าหากัน สีหน้าหงุดหงิดทอนลงเป็นความเหนื่อยหน่ายชวนน่าโมโหกว่าเดิมสำหรับอาเธอร์ เสียงติดแห้งค่อยๆพูดสั่งช้าๆ ทั้งผลจากความหนาวและพยายามรั้งตัวไม่ตวาดใส่ “สวม..เสื้อผ้า..ซะ”
อาเธอร์ตอบรับโดยการชูแขนขึ้นสองข้าง ปล่อยกางเกงตกลงไปที่เท้าตามแรงโน้มถ่วง กลั้นหัวเราะแก้มปริเมื่อเห็นดวงตาสีฮาเซลตวัดต่ำและเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เวย์นรีบหันศีรษะไปทิศอื่นอย่างรวดเร็ว งึมงำเสียงลอดไรฟัน
“กัก..ขฬะ”
อาเธอร์ยกมือเท้าเอว ยืนจังก้าเปลือยเปล่าอย่างจงใจ “นายเองก็นั่งแก้ผ้าอยู่บนเตียงไม่ใช่หรือไง ปกติฉันให้สิทธิ์เฉพาะผู้หญิงหรอกนะคุณชาย”
“เพราะ..ใครล่ะ!!”
‘โอ๊ะ ขึ้นเสียงแล้วเว้ยๆ’
คนครึ่งปลาเพียงยักไหล่ใส่ดวงตาเกรี้ยวกราดสีอำพัน การโยนคนที่พูดไม่เข้าหูลงทะเลอุณหภูมิติดลบอาจจะเป็นความผิดเขา แต่นี่ก็ทั้งช่วยถอดเสื้อผ้า หาผ้าห่มให้ ไหนจะอุ่นเหล้าให้อีก (นั่นแพงนะ)
‘ไม่ปล่อยให้ลอยแข็งตายในน้ำก็บุญขนาดไหนแล้ว’
เสียงจามดึงความหงุดหงิดได้ชะงัก อาเธอร์ตรงเข้าไปเติมฟืนในเตาผิงที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจุดเพื่อให้ความร้อนกระจายเต็มที่ ขณะหนุ่มใหญ่จากนอกเมืองยกหลังมือขาวซีดขึ้นเช็ดปลายจมูกติดแดงไปมาด้วยสีหน้ารำคาญใจ..เห็นแล้วนึกถึงเสือเลียขนเวลาตกน้ำ
ภาพเสือตัวโตตัวเปียกซกดูซ้อนทับโครงหน้ามน ผมปรกหน้าของอีกคนได้อย่างดี
‘..ก็..น่าสงสารนิดๆ’
“มอง..หาอะไร” เสียงแหบห้วนลบความรู้สึกชั่ววูบนั่นในทันที
“เหยิบตูดไป ได้เวลานอนแล้ว” อาเธอร์ตวัดเสียงใส่
เวลาสี่ทุ่ม ลมทะเลพัดแรงจนผนังบ้านสั่นไหว พายุด้านนอกทำให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นขึ้นกว่าปกติ แม้แต่อาเธอร์ที่มีผิวหนากว่าเหล็กกล้า ไม่สะเทือนอุณหภูมิเยือกแข็งยังรู้สึกเย็นนิดๆ
แต่ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะถูก ‘แขก’ ไม่รับเชิญแย่งผ้าห่มทั้งบ้านไปครองหมด ด้วยเหตุผลเอาแต่ใจว่า
‘ไอ้ xx ของนายมันไม่หลุดออกมาหรอก แต่ฉันน่ะไม่!’
หลังจากยื้อยุดกันอยู่หลายนาที เวย์นชนะและได้ผ้าห่มสมใจ อาเธอร์เหมือนได้ยินเสียง ‘ฮึ’ ในลำคอราวได้ชัยชนะยามเจ้าดักแด้ยักษ์นั่นหันหน้าเข้าหากำแพง ขณะที่อาเธอร์ยอมนอนบนเตียงฝั่งด้านนอกไร้ผ้าคลุมกาย แช่งด่ากับฝ้าเพดานในใจ สาบานว่าถ้าเช้าเมื่อไหร่ จะหิ้วคอเจ้าคนน่าโมโหนี่ลงเรือลำแรกที่เทียบท่าให้หมดๆเรื่องไปซะ
“..อึก”
เสียงครางในลำคอดังแทรกเสียงหวีดแหลมของลม พร้อมการขยับแผ่วเบาจากคนข้างกาย
ในครั้งแรก อาเธอร์ทำเป็นเมินเฉย นอนฟังเสียงคลื่นแทนเพลงกล่อมนอน แต่การขยับไหวของคนข้างกายกลับไม่ยอมหยุด ส่งแรงสั่นแผ่วๆ มาตามเตียง
“..วะ! ” อาเธอร์ลืมตา ผุดลุกขึ้นมองร่างข้างๆ อย่างหาเรื่อง กระนั้น กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
ดวงตาสีเทาอ่อนพลันเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเพ่งมองผ่านความมืดและเห็นร่างใต้ผ้าห่มหนาหนักสั่นน่ากลัวจนส่งมาถึงเตียงอีกฝั่ง ใบหน้าเคยบึ้งตึงโรยสีแทบเป็นสีขาว ปากบางสั่นกลายเป็นสีน้ำเงินน่ากลัว ผมสีดอกเลาเปียกชื้นมีรอยเกล็ดน้ำแข็งเจืออยู่ ตัวเย็นเฉียบผิดปกติส่งสัญญาณอันตราย
ตอนนั้นอาเธอร์ถึงพึ่งสังเกตว่าไฟเตาผิงมอดไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ปล่อยความเย็นของพายุภายนอกคลืบคลานเข้ามาทีเผลอ
‘เวร เวรๆๆ!!’
ห้องในบ้านหลังเล็กสว่างวาบขึ้นอีกครั้งอย่างเร่งรีบ
“เวย์น ลุกไปหน้าเตาผิง”
เสียงครางต่ำในลำคอดังตอบรับแทน อาเธอร์จึงตัดสินใจยกทั้งคนทั้งเตียงไปติดหน้าเตาผิงโดยระวังไม่ให้ใกล้จนเกินไป
อาเธอร์ลอบมองสีหน้าของบรูซอย่างร้อนใจ ร่างใหญ่ยังคงหนาวสั่นไม่เลิกราวกับความอบอุ่นจากกองไฟเล็กๆ นี้ยังไม่เพียงพอ มือเรียวขาวเกาะกุมผ้าห่มแนบอกเป็นสีม่วงตรงปลายนิ้วไปแล้ว
อาเธอร์คำรามในลำคอ ขยี้ผมจนยุ่งเหยิง ก่อนตัดสินใจก้าวขึ้นเตียงลงไปนอนข้างๆ คนที่สร้างเรื่องให้ตั้งแต่เหยียบมาที่หมู่บ้าน มือกร้านคว้าผ้าห่มหมายดึงออก แต่ยังไม่ทันกระชาก มือเย็นเฉียบพลันพุ่งขึ้นมาจับแน่นอย่างน่าชื่นชม
“ทำ..อะไร?”
ตาปรือสีอ่อนเหมือนน้ำผึ้งของคนใต้ร่างดูอ่อนล้า เลื่อนลอยเต็มที หากยังเหลือแววแหลมคม ระมัดระวัง
“ช่วยนายไม่ให้หนาวตายไงล่ะ อุณหภูมิของฉันสูงกว่าคนทั่วไป นายต้องสัมผัสตัวฉัน”
“…ไม่”
“เวย์น!”
“ไป..ห..ให้พ้น”
“ทำไมพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้วะ!”
อาเธอร์กระชากผ้าห่มสุดแรงจนคนตัวใหญ่กลิ้งมากระแทกอก ผ้านวมหนาช่วยให้ความอบอุ่นถูกดึงออกทั้งสามชั้นท่ามกลางเสียงประท้วงในลำคอของเวย์น หากแต่ฟังไม่ได้ศัพท์ แม้เขาจะพอเดาได้ว่าน่าจะมีแต่คำด่า ผรุสวาทเต็มไปหมด
ยามเนื้อแผ่นอกแข็งแรงแนบกับแผ่นหลังเปลือยเปล่า เวย์นซี๊ดปาก แอ่นหลังหนีอย่างทุลักทะเล “ย..เย็น”
“ใครใช้ให้โลภเอาผ้าห่มไปคนเดียวล่ะ” อาเธอร์กระแทกเสียง คว้าเอวคนดันทุรังให้กลับมาแนบชิดดังเดิม พร้อมส่งแขนและขากอดรัดร่างสั่นเทาข้างกายไว้แน่น ไม่ปล่อยให้เวย์นดิ้นหลุดไปครั้งที่สอง
“ไอ้..เวร” เมื่อดิ้นไม่ได้ อีกฝ่ายจึงเอ่ยเสียงอ่อนแรง
“เออ จะด่าอะไรก็ด่าไป” อาเธอร์สวน ลูบฝ่ามือร้อนไปตามหัวไหล่เนียนและแผ่นอกกำยำหากสั่นเทาเหมือนลูกนก พยายามไม่สนใจต่อสัมผัสแน่นมือยามไล้มือไปตามสะโพกและต้นขา หรือยามกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องเกร็งสั่นไหวต้านมือ
ในเวลาไม่นาน ร่างที่ขยับหนีกลับเปลี่ยนมาดันแผ่นหลังเข้าหาไออุ่น..
ข้อมือของเขายังคงถูกบรูซกุมไว้ แม้การเกาะกุมจะดูอ่อนแรงลงเหลือเพียงการแตะหลวมๆ ราวกับเครื่องเตือนใจกลายๆ ว่าถ้าหากสัมผัสขออาเธอร์เกินเลยไปกว่านั้นล่ะก็ คงโดน…
อาเธอร์ชะงักมือ ขมวดคิ้วกับตัวเอง ‘เกินเลยบ้าบออะไร ไม่มีเว้ย !!’
ในตอนที่เจ้าแห่งทะเลหยุดมือเพื่อไปทะเลาะกับสำนึกของตัวเองอยู่นั้น เศรษฐีจากก็อธแทมถึงเริ่มขมวดคิ้วมุ่น เมื่อสัมผัสอุ่นสบายตัวบริเวณด้านหน้าหายไป ผสมกับลมเย็นลอดผ่านผ้าห่มเข้ามาแตะผิวทำให้ขนกายลุกชันอย่างควบคุมไม่ได้
สติหมิ่นเหม่ทำให้บรูซ เวย์นไม่ได้คิดอะไรนอกจากพลิกตัวหันไปหาความอุ่นที่แผ่นหลัง
อาเธอร์สูดลมหายใจลึกในลำคอเมื่อร่างโปร่งในอ้อมแขนพลิกตัวอย่างไม่บอกกล่าวมาหา ส่งสองแขนกอดรัดแผ่นหลังและซุกปลายจมูกเย็นเข้าหาอกหนาอุ่น เปลี่ยนจากเสือดื้อดึงเป็นเสือซุกอ้อนจนเจ้าของบ้านตั้งตัวไม่ทัน
ท่ามกลางแสงส้มจากเตาผิง ราชาแอตแลนทิสเหลือบมองศีรษะปกคลุมด้วยผมสีดำนุ่มใต้คาง เกล็ดน้ำแข็งละลายหายไปเหลือเพียงความชื้นเรียงตัวเกาะอยู่บนขนตาเส้นยาวล้อแสงไฟ และทอดเงาทับแก้มซีดขาวซึ่งเริ่มขึ้นสีเลือดฝาดเล็กน้อย
สองแขนยกค้างเหนืออากาศค่อยๆ ทิ้งตัวโอบกอดรอบแผ่นหลังเลียนแบบอีกคน หากด้วยจังวะที่ต่างออกไป…ไม่เกาะยึดแน่นหาไออุ่น…แต่ลื่นไหลไปตามแนวโค้งของแผ่นหลังอย่างใคร่รู้
ปลายนิ้วกร้านจากการทำงานหนักลูบกึ่งนวดผ่านต้นขาแน่นและก้อนเนื้อนุ่มสองข้าง มาค้างอย่างอ้อยอิ่งแถวแอ่งแผ่นหลังโค้งรับมือ อาเธอร์ปล่อยมือหนึ่งไว้ตรงนั้นพลางกระชับเอวสอบให้แนบชิดหน้าท้องจนไม่เหลือที่ให้ไอหนาว อีกมือยังคงลูบไปตามกล้ามเนื้อนูนแข็งแรง ขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลังทีละข้อ ปัดผ่านรอยตำหนิของบาดแผลอย่างสนใจ
ทุกการขยับ อาเธอร์จะพบแผลใหม่ๆ อยู่เสมอแม้จะเดาไม่ออกว่าเกิดจากอะไร เว้นรอยแผลไหม้ตรงหัวไหล่ซึ่งโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมาเล็กน้อย
‘ชีวิตคนเมืองนี่อันตรายกว่าที่คิด’
“หรือนายเลือกชีวิตอันตรายเองกันแน่ เวย์น”
อาเธอร์ถามคนที่หลับไม่รู้เรื่องในอ้อมแขน สังเกตได้จากไอลมหายใจสม่ำเสมอกระทบผิว
มือข้างที่ยังสาละวนไปเรื่อยของเจ้าบ้านเลยขึ้นมาสัมผัสท้ายทอยและแทรกปลายนิ้วไปตามโคนผมชื้น…มันทั้งนุ่มและลื่นมือสมฐานะคนอยู่ดีกินดีชวนให้นึกถึงผ้าซาตินชั้นสูงที่อาเธอร์เคยได้มาจากนักเดินทางคนหนึ่ง
“อือ รำคาญ” เวย์นงึมงำกึ่งคำรามในลำคอ ซุกหน้าหลบมือที่เริ่มซนไปยังติ่งหู
อาเธอร์หัวเราะในลำคอ จ้องมองใบหน้าหล่อเหลากับแนวกรามแข็งแรง แต่เพราะมีกรอบตาที่ดูเศร้า รูปหน้าควรแข็งกระด้างจึงดูนุ่มนวลลง ก่อนเขาจะนำมือเสยผมให้บรูซ เวย์นเป็นครั้งสุดท้ายและวางมันพาดไหล่กว้าง ดึงช่วงบนของคนขี้รำคาญเข้าหาตัว ปิดกั้นลมหนาวโดยสมบูรณ์
บรูซไม่ได้บ่นอะไรนักนอกจากกอดแน่นขึ้น
อาเธอร์คิดว่าสักชั่วโมง สองชั่วโมงจะปล่อยให้เวย์นนอนสบายๆ สักที แต่แม้ร่างกำยำนั้นจะหายสั่นไหวเพราะความหนาวไปนานแล้วก็ตาม หรือพายุภายนอกจะเคลื่อนตัวไปยังหุบเขาอื่น
อาเธอร์กลับยังคงกอดชายอีกคนไว้ไม่ปล่อย กระทั่งดวงอาทิตย์ลอยขึ้นมาทักขอบฟ้าอีกครั้ง
———
Bruce POV
บรูซชั่งใจมองของในมืออยู่ชั่วครู่ ก่อนคว้าแบตตาแรงอันที่คมที่สุดขึ้นมาไว้ในมือ ย่างเท้าไร้เสียงไปตามความยาวห้องโดยใส่แค่กางเกงและเสื้อโค้ดยาวเดี่ยวๆ ของเจ้าบ้านอย่างลวกๆ
ก่อนขึ้นไปยืนบนเตียง และก้าวขาคร่อมร่างชายที่หลับสบายไม่รู้เรื่อง
ดวงตาสีฮาเซลเยือกเย็นก้มสังเกตใบหน้าหล่อเหลาติดดุซึ่งเริ่มขมวดคิ้วเพราะน้ำหนักที่ทับอยู่บนหน้าท้อง
ดวงตาสีอ่อนลืมขึ้นสบ กล้ามเนื้อแกร่งพลันสะดุ้งเกร็งเมื่อเห็นว่ามีคนอยู่บนตัว ใบมีดในมือบรูซพลันพุ่งแนบคอก่อนอีกคนจะถลันลุกอย่างรวดเร็ว
“อะไรวะ!?”
คมมีดกดแน่นลงเนื้อ ผลักศีรษะผงกด่าลงบนหมอน
“นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะถาม..จะเข้าร่วมกับเราหรือไม่เข้าร่วม?”
หากอารมณ์บรูซตอนนี้ไม่คุกรุ่นจนอยากชกปากใครสักคน สีหน้าปนเประหว่างเหวอตกใจและหงุดหงิดของอาเธอร์เมื่อรู้ว่าแขนสองข้างของตัวเองถูกตรึงไว้กับหัวเตียงคงทำให้เขาหลุดยิ้ม
“นี่…พูดจริงใช่ไหม บ้าเรอะ!! ฉันช่วยนายไว้เมื่อคืนเว้ย!!” เสียงกุญแจมือกระทบกันไปมาดังพร้อมคำประท้วง
“อ้อ…นายหมายถึง ที่จับเหวี่ยงลงทะเล ฉีกเสื้อผ้า และทำเกือบตายอีกรอบเมื่อคืนน่ะเหรอ ขอเถอะว่ะ”
“ก็ตายไหมล่ะ!”
“เงียบซะ!” บรูซตวาด “ฉันมาที่นี่เพื่อสิ่งเดียว และจะไม่ยอมเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว นายไม่รู้ว่าทุกนาทีที่ฉันเสียไปกับนาย มันทำให้คนอื่นๆมีอันตรายขนาดไหน! ตัดสินใจมาซะ!”
“กลุ่มของนายชวนคนอื่นเข้าอย่างงี้เรอะ…? ป่าเถื่อนไม่สมหน้า”
“เลิกอ้อมค้อมได้แล้ว ฉันเข้าใจว่าการต้องหันหลังให้สิ่งที่ตัวต้องปกป้องเป็นยังไง แต่นายไม่ได้ทิ้งคนที่นี่ เพราะถ้านายปกป้องโลกได้…นั่นหมายถึงนายปกป้องบ้านของพวกเขาไว้” บรูซพูดประโยคต่อไปช้าๆ “แต่นายจะเข้าร่วมหรือไม่มันก็เรื่องของนาย ฉันต้องการแค่คำตอบ ‘ Yes’ หรือ ‘No’ อาเธอร์ เคอร์รี่”
จะเลือกปล่อยให้โลกถูกทำลายไปทั้งใบก็เชิญ..ถ้านายเลือกทางนั้น พวกฉันก็ไม่ต้องการคนแบบนาย
“นายรู้ใช่ไหมว่ากุญแจมือนี้รั้งฉันไม่ได้นาน และมีดนั่นก็ไม่ต่างไปจากไม้จิ้มฟัน” อาเธอร์เลิกคิ้วกวนใส่แทนคำตอบรับ
บรูซยิ้มมุมปาก กดสวิตช์บางอย่างบนอาวุธ แบตตาแรงปรากฏแสงกะพริบและเสียงติ๊ดสั้นๆ หลายครั้ง “แต่โดนระเบิดยัดปากคงไม่สวยหรอกใช่ไหม คุณเคอร์รี่”
อาเธอร์อึ้งมองเขาอยู่ชั่วครู่ก่อนเปล่งเสียงหัวเราะดังลั่นจนตัวโยน
บรูซขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ร่างขยับตามการหัวเราะจนสียงสั่น คำถามมากมายเกิดขึ้นคละความขุ่นมัว แต่มือใหญ่ยังคงไม่ละแรงออกจากมีดแม้แต่ตอนเสียงหัวเราะทุ้มขาดหายไปเหลือแค่รอยยิ้มและดวงตาแพรวพราวชวนหนาวๆ ร้อนๆ
“ฉันล่ะถูกใจนายจริงๆ บรูซ เวย์น”
..เป็นพวกมาโซคิสม์รึไง..?
“นายจะเข้าร่วมใช่ไหม?” บรูซถามหยั่งเชิงอย่างไม่แน่ใจ
“ได้ ฉันจะเข้าร่วมอยู่แล้ว แต่มีเงื่อนไขอยู่นิดหน่อย”
บรูซมองรอยยิ้มโชว์เขี้ยวครบของคนที่ตกลงเอาดื้อๆอย่างระแวดระวัง “…ว่ามาสิ”
คนด้านบนเกร็งตัวขึงเมื่อโซ่ถูกแขนเป็นมัดกล้ามสองข้างกระชากขาดต่อหน้า มีดคมกดเสยขึ้นเป็นการเตือนแต่อาเธอร์ดูไม่สนใจนักนอกจากจับจ้องยังแผ่นอกคลุมหมิ่นๆด้วยเสื้อโค้ดตัวยาวประดับขนสัตว์ที่บรูซขโมยมาจากอีกฝ่าย มือของอาเธอร์บรรจงแหวกเสื้อเนื้อหนาออกทั้งสองข้างกระทั่งผ้าหลุดออกจากไหล่ด้านหนึ่ง บรูซเกร็งตัวอัตโนมัติยามปลายนิ้วกร้านแดดทั้งสองข้างแตะลงบนอกไล้ต่ำพร้อมกันไปตามร่องกล้ามเนื้อ วาดกว้างไปทางสีข้าง ถึงเอว จนมาวางแหมะอยู่บนสะโพก
บรูซสูดหายใจลึกลงปอดเมื่อมือใหญ่กดปลายนิ้วลงบนบั้นท้ายด้านหลัง ขณะอีกคนฮัมเสียงต่ำถูกใจในลำคอ
“..นายเข้าใจความหมายใช่ไหม..?”
ดวงตาสีหินอ่อนเงยสบกันอีกครั้ง หากคราวนี้มันไม่ได้มีแววยวนประสาทเหมือนเคย ความดุร้ายในนั้นยังคงอยู่ หากอ่อนลงด้วยอารมณ์บางอย่างที่เข้มข้นกว่า บรูซนึกถึงฉลามตัวยักษ์ว่ายวนรอบเหยื่อ จับจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์ว่าเหยื่อตรงหน้า ‘กินได้หรือกินไม่ได้’
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ สีหน้าของบรูซปราศจากความรู้สึกใดยามจ้องตอบดวงตาส่อความท้าทายของอาเธอร์
เสียงสะอึกกลืนน้ำลายดังขึ้นทำลายความเงียบ ลูกตาดำล้อมด้วยสีเทาของอาเธอร์ขยายขนาดขึ้นยามน้ำหนักคนเบื้องบนกดทับบดเบียดลงมาตรงบางสิ่งบริเวณหว่างขาอย่างแช่มช้า
บรูซ เวย์นเผยรอยยิ้มถือดีตรงมุมปาก
ในวินาทีที่แบตตาแรงถูกเจ้าของมันเหวี่ยงปักผนัง มือข้างเดียวกันนั้นกระชากคออาเธอร์ขึ้นนั่ง กระซิบเสียงแหบพร่ายั่วยวนเกินไปในความคิดอาเธอร์ก่อนริมฝีปากแตะกันไม่กี่เซนติเมตร
“บอกแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบเรื่อง”
—————–
Talk :
- เราถือว่าแต่งเรื่องนี้ไวมาก เพราะไม่มีอะไร สั้นด้วย หวังว่าจะชอบนะคะ >< (เอ้อ Fictober มันต้องสั้นๆเว้ย! ตะโกนใส่ตัวเองในกระจก)
- เราใช้ “นาย ฉัน” แทนการพูดของอาเธอร์ค่ะ หลังจากลังเลอยู่นานว่าจะใช้ “ข้า เจ้า” ดีไหม เพราะเซเดาเอาว่าเขาน่าจะคล้าย N52 ที่เป็นครึ่งมนุษย์และกำเนิดบนโลก แต่ถูกพาไปแอตแลนติสที่หลัง ไม่เชิงเป็นราชาที่อยู่แต่ทะเลมาตั้งแต่ต้นเหมือน JL series (แม้ ข้า เจ้า จะเข้ากับหน้าพี่เจสันมากกว่าก็เถอะ….) เนื่องจากเราไม่รู้ประวัติเขา เซเลยมโนเอาว่า เอ้อ เขาน่าจะเป็นคนของหมู่บ้านนี่แหละค่ะ / แต่แอบเสียวเหมือนกันว่าเขาจะเป็นคนจากใต้น้ำ ที่ขึ้นมาดูแลหมู่บ้านเป็นครั้งคราว….
- Hypothemia : ภาวะตัวเย็นเกินเวลาเจออากาศหนาว ก็จะมีอาการสั่น พูดไม่รู้เรื่องบ้าง ง่วงซึม หงุดหงิด สับสน
- เหล้าอุ่น : เนื่องจากเราไม่รู้ว่าอาเธอร์อยู่ทีไหน แต่ไม่น่าหนาวขนาดขั้วโลก เลยอิงตามความเข้าใจของคนเมืองหนาวทั่วไปที่จะกินเหล้าอุ่นๆ ให้ร่างกายอุ่น ตอนแรกกะเป็นนมจามรีอุ่นตามกลุ่มคนแถวหิมาลัย เทือกเขาทำนองนั้นค่ะ แต่นมอุ่นไม่เข้ากับหน้าอาเธอร์ก็เลย…./หน้าคุณนี่เป็นอุปสรรคกับเซมากเลยนะคะ….
รอดจากการโดนสัมผัสมาได้ทั้งคืน แต่สุดท้ายก็ไม่รอด พร้อมจกะเค้าด้วย 5555
ถูกใจถูกใจ
คุณเซคะ มันไม่ควรจบที่ fluff ฮรอลลลลลลลลลล
ถูกใจถูกใจ
โง้ยยวว ชอบบบบคะ! แหมพ่อปลาก็แตะอั้งคุณบรูซไปทั่วเลย
อีกคนก็ยั่วซะ~
ถูกใจถูกใจ
ฟลัฟตรงไหนคะเนี่ย! ชอบค่ะ ชอบรายละเอียดเรื่องอาการหนาวเกินไปด้วย ดูถูกโฉลกกับคู่นี้นะคะ จัดไปยาวๆเลยค่ะคุณเซ
ถูกใจถูกใจ
สุดท้ายก็ไม่รอดจนได้นะเนี่ย
ชอบคู่นี้มากกกกกกกกกค่ะ
/ชูป้ายไฟพร้อมเมินคนในโลง
ถูกใจถูกใจ
โอ๊ยยยยยยจบได้แบบ..(.///.)จะว่าชอบก็ชอบจะว่าอยากได้มากกว่านี้ก็อยากได้ค่ะ เป็นคุณเวย์นที่เซะซี่ยันปลายเส้นผมเลย โอ๊ยยยยโฮกกกกกกพี่เซค๊า~~~เค้าได้กันใช่มึ้ยค๊าา บอกหนูเค้าได้กันแล้วใช่ม๊ายยยย😳😳
ถูกใจถูกใจ
โอ้ยย ชอบฟิคเรื่องนี้จังเลยค่ะ คุณเวย์นนี่เหมือนจะรอดก็ไม่รอดซะงั้น ไปอ่อยเค้าอีก ถถถ
ปล.แพ้ผมปรกหน้าคุณเวย์นมากค่ะ รู้สึกเป็นเซะซี่แมน .///.
ถูกใจถูกใจ
เขิลมากเลยค่า *กรีดร้อง* ตอนแรกเราแค่สนใจคู่นี้ แต่พออ่านฟิคคุณแล้วขอเดินลงเรือนี้เลยละกันค่ะ 😆
ถูกใจถูกใจ
ถ้าอาเธอร์บอกไปว่าต้องการอะไรแต่แรก บรูซจะให้จริงเหรอคะ =..= ฮุๆๆๆ
ลั่นตรง “ฟั*ยู” มากค่ะ ฮือออ 55555555555
ถูกใจถูกใจ