[Fic] Signals No. 1, 5 ,10 ,11 & 33 [Napoleon Solo/Tony Mendez] – Argo/U.N.C.L.E

Benry Weekly >> W29: It’s Time To Crossover (Again)

สัญญาณแรก คือ บุหรี่
สัญญาณที่ 5 คือ แจ๊ซ
สัญญาณที่ 10 คือ กาแฟดำ
สัญญาณที่ 11 คือ ใบแปะก๊วย
สัญญาณที่ 33 คือ แดงเรื่อ…?


‘Signals No. 1, 5 ,10 ,11 & 33’

 

Benry Weekly >> W29: It’s Time To Crossover (Again)

Pairing :  Solendez (Napoleon Solo/Tony Mendez) ; Henry Cavill/Ben Affleck

Fandom : RPS, ARGO (2012) , The Man from U.N.C.L.E. (2015)

Rate : PG (ใสๆ)

Character :  Napoleon Solo (Henry Cavill), Tony Mendez (Ben Affleck)

Type : Slow building, Fluff, One sided love, คู่รักหัวแข็ง, SPY, Drug (กล่าวถึงบุหรี่ค่ะ)

Talk : ในที่สุดก็ลั่นฟิคเรือผีคู่นี้ในที่สุด ถือเป็นเรือผีที่เราพบว่าเคมีเขาช่างเข้ากันอย่างเหลือล้นแม้จะอยู่กันคนละเรื่องและไม่เคยพบเจอกันเลยก็ตาม (มีแววอยู่คนละยุคอีกต่างหาก..) ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขียนคาร์โทนี่ เมนเดซค่ะ รู้สึกจับยากพอๆกับนโปเลียน เลยรู้สึกว่าใส่ความเป็นเบน และรี่มากไปหน่อยแต่จะพยายามแก้เรื่อยๆค่ะ มีข้อติอะไรตรงส่วนนี้บอกได้นะคะ

ทำไม Signals ต้องมีเลขกำกับ..? เพราะเราตั้งใจให้มันเป็นฟิคที่แต่งเกี่ยวกับคู่นี้เรื่อยๆ และตอนมันจะกระโดดไปมา รบกวนดูหมายเลขสัญญาณดีๆนะคะ ^^ (แน่นอน ตัวเลขไหนหายไป จะมีการแต่งต่อรอบหน้าค่ะ!)

Song Theme : A Thousand Years – Christina Perri (Boyce Avenue acoustic cover)

—————

 

 

 

 

 สัญญาณแรก คือ บุหรี่

 

นโปเลียน โซโลเกลียดแผนกเทคนิค หรือถ้าจะพูดให้ถูก เกลียดกลิ่นห้องทำงานของแผนกเทคนิค

 

ท่ามกลางโต๊ะเรียงเป็นตารางราวคอกสัตว์ กลิ่นกระดาษเก่าอับฝุ่น ปะปนด้วยรสบุหรี่และยาเส้นในอากาศอบอวลคลุ้งทั่วห้อง ก้นกรองเกลื่อนกราดตามทางเดินเคียงข้างเศษกระดาษจนบางครั้งนโปเลียนนึกแปลกใจว่าที่นี่ไม่ไหม้เป็นจุลมาตลอดหลายสิบปีได้อย่างไร

 

‘สำนักงานรัฐบาลเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ ต้นเหตุจากก้นบุหรี่ที่ดับไม่สนิทของเจ้าโง่คนหนึ่ง’ ถ้าวันใดวันหนึ่งมีพาดหัวข่าวแบบนี้ขึ้นมา นโปเลียนไม่แปลกใจสักนิด

 

หรือจะเป็นพาดหัวข่าวเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐฯสำลักควันบุหรี่ตายคาห้องทำงาน นั่น…นโปเลียนก็ไม่แปลกใจเช่นกัน

 

เขาไม่ใช่คนเดียดบุหรี่หรือเกลียดคนสูบ…แค่ไม่ชอบเวลามีคนมาสูบใกล้ๆให้ได้กลิ่นเท่านั้น มันอดหงุดหงิดอย่างช่วยไม่ได้เมื่อต้องมาสูบควันทำลายปอดที่คนอื่นเป็นคนสร้าง ราวกับโดนกรอกยาแต่ทำอะไรไม่ได้นักนอกจากกล่าวอย่างสุภาพให้ ‘ไปสูบไกลๆได้ไหมครับ..?’

 

แหงล่ะ..นั่น คือ สาเหตุอีกอย่างที่นโปเลียนเกลียดแผนกเทคนิค เพราะเขาไม่สามารถไล่คนพวกนี้ไปสูบที่อื่นอย่างสุภาพได้ ดังนั้น ทุกครั้งที่ถูกเรียกตัวมา นโปเลียนจึงพยายามเลี่ยงไปคุยแถวห้องประชุมสำรองข้างเคียงแทนห้องหัวหน้าใหญ่ซึ่งตั้งลึกไปตรงสุดทางเดินของแผนกสิงห์อมควัน

 

ส่วนใหญ่ หัวหน้าคนนั้นจะตามใจด้วยขี้เกียจฟังเสียงบ่น และคำแค่นแคะเรื่องประกันสุขภาพกับสภาพปอดยกเว้นวันหนึ่ง…

 

“คุณขาพลิก..? คุณลากสังขารตัวเองขึ้นมาที่ห้องทำงานยังไงมิทราบครับ…?”

 

“เดินเข้ามาสักที ฉันยุ่ง”

 

“ถ้าคุณยุ่ง ผมมาที่หลังตอนคุณหายแล้วก็ได้นะ..?”

 

“ไม่ต้อง เข้ามา”

 

“ช่วงนี้ปอดผมมไม่ค่อ–”

 

“หุบปาก แล้วเข้ามาสักทีโว้ยย!!”

 

‘..หยาบคาย..’

 

นโปเลียนจึงจำใจเปิดประตูเหล็กติดกระจกใสเข้ามา ย่นจมูกเล็กน้อยเมื่อกลิ่นตรงเข้าปะทะ กลั้นสำลักในลำคออย่างเต็มที่ท่ามกลางสายตาเหลือบมองกึ่งสงสัยจากชายชาตรีหลายชีวิตในห้องด้วยความไม่คุ้นหน้า แต่ก่อนนโปเลียนจะเปิดประตูปะหน้าป้าย “ผู้อำนวยการ” เข้าไป มันกลับถูกผลักจากข้างในเสียก่อน

 

บุหรี่สีขาวมีควันลอยฉุยเป็นสาย คาบคาบนริมฝีปากบางสีอ่อนเป็นสิ่งแรกที่ปะทะสายตานโปเลียน ตามด้วยนัยต์ตาหรี่ปรือสีดิน พร้อมการเลือนหายของกลิ่นยาเส้น ทับกลบสนิทด้วยกลิ่นวนิลาหอมอวนในรูปควันเทาอ้อยอิ่งจากปลายบุหรี่

 

“หลบหน่อยได้ไหม?” แท่งนิโคตินคาปาก แปลงเสียงต่ำแหบให้อู้อี้เล็กน้อยแต่ก็พอฟังออก นโปเลียนรีบขยับตัว ปล่อยช่วงบ่าสูงกว่าของชายแปลกหน้าแทรกตัวผ่านไป พร้อมกลิ่นควันหวานติดในลำคอ

 

“นั่นใครครับ..?” นโปเลียนถามทันทีเมื่อเข้ามาในห้อง

 

“หัวหน้าฝ่ายปลอมแปลง คนช่วยดูแลตัวตนหรือเอกสารปลอมต่างๆ ให้พวกนายไง”

 

ผอ.มองมาด้วยสายตาเหนื่อยใจราวกับบอกว่านายช่างไม่รู้อะไรเลย ก่อนดึงขวดปรับอากาศขึ้นมาตั้งท่าฉีด

 

“นั่นคุณจะทำอะไรครับ..?”

 

“สเปรย์ดับกลิ่น ฉันจะได้ไม่ต้องฟังนายบ่นตลอดเวลา”

 

ถึงหัวหน้าจะว่าอย่างงั้น กลิ่นวันนี้กลับไม่ได้แรงกว่าทุกวัน เค้าของกลิ่นบุหรี่ขมคอหลงเหลือบางเบา ที่เด่นชัดสุดคงเป็นกลิ่นหวานแปลกประหลาด

 

บุหรี่หวานเจือวนิลาจางๆ

 

“ไม่ต้องครับ…ผมชอบกลิ่นตอนนี้”

 

———————–

 

 

สัญญาณที่ 5 คือ แจ๊ซ

 

วันนี้ประตูห้องข้างๆ ผู้อำนวยการเปิดอยู่…

 

ถึงแม้นโปเลียนจะไม่ได้แวะเข้ามาที่นี่บ่อย แต่เขาจำได้ว่าทุกครั้งที่ถูกบังคับให้ฝ่าควันเหม็นคอเข้ามา ห้องนี้มักปิดสนิทราวกับไม่มีคนอยู่ยกเว้นแสงไฟสลัวๆ ภายในห้องไม่ต่างจากแสงเทียนเล่มเล็ก….ใครบางคนที่นี่อาจชอบทำงานในความมืดก็ได้ ใครจะรู้..? แต่อย่างที่บอกไป นโปเลียนไม่ได้เข้ามาที่บ่อยนัก

 

วันนี้ ช่องประตูเปิดแง้มออกเพียงให้แขนคนลอดได้ ปล่อยแสงโคมไฟจางๆ ทาบลงพื้นเป็นเส้นหนา พร้อมเสียงเพลงแจ๊ซจากวิทยุดังลอดออกมาเคล้าเสียงพิมพ์ดีดและเสียงคุยจ๊อกแจ๊กจอแจภายนอก ทำนองอ้อยอิ่ง ดำดิ่งอารมณ์ เอื้อนเนื้อร้องถึงความหลังแสนหวานดึงฝีเท้านโปเลียนให้ติดตรึงอยู่กับที่แม้จะก้าวขาหนึ่งเข้าไปในห้องผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคแล้วครึ่งตัว

 

“โซโล เข้ามาสักที!” เสียงโวยจากในห้องทำให้นโปเลียนจำใจเดินเข้าไปข้างใน ปิดกั้นเสียงหนวกหูภายในนอกในทันที

 

ยกเว้นเสียงเพลง..

 

“โทษที” ผู้อำนวยการถอนหายใจเมื่อเห็นสายตาของนโปเลียนจับจ้องมองกำแพงห้องยังทิศทางเสียงเพลงไม่วางตา “ผนังตรงนี้มันบางน่ะ แปปนะ”

 

ก่อนโจรหนุ่มจะตั้งท่าห้าม ชายวัยกลางคนขี้ใจร้อนลงมือทุบกำแพงฝั่งห้องนั้นปึงปัง “โทนี่! ปิดเพลงก่อน!!”

 

เสียงครืดดังขึ้นเหมือนคนอีกฝั่งตกใจ ไม่นานเสียงคร่ำครวญทุ้มหูสะบั้นหายไปในทันทีพร้อมความผิดหวังของนโปเลียน โซโล

 

“ผมออกจะชอบเพลงนั้นนะครับ” เขาบ่น

 

สายตาขุ่นเคืองตวัดมองเหมือนหนามแหลมเรียกเพียงรอยยิ้มหวานหยดจากใบหน้าผ่องมน อีกฝ่ายหัวเราะหึในลำคอ “รู้จักเพลงของ Ray Charles ด้วยเหรอเจ้าหนุ่ม..?”

 

“ไม่ครับ” นโปเลียนตอบทันที “แค่เสียงมันน่าฟังกว่าของหัวหน้า..นิดหน่อย”

 

รอยยิ้มกว้างอยู่แล้ว แย้มกว้างกว่าเดิมจนเห็นเขี้ยวมุมปากเมื่อโดนสายตาปนรำคาญของนายใส่เป็นรอบสอง “เออๆ ช่างมันเถอะ ช่วยฟังเสียงไอ้แก่อย่างฉันไปก่อนละกัน”

 

จากนั้นหัวหน้าถึงเริ่มร่ายยาวเรื่องภารกิจใหม่เกี่ยวกับภาพเขียนของชาติที่ถูกขโมยไป ราคาแพงลิ่วของมันทำให้นโปเลียนสนอกสนใจ แต่แม้ภายนอกอาจดูเหมือนโจรถูกบังคับกลับใจเบื้องหน้าจะไม่ยินดียินร้ายใดๆ ห้วงคำนึงเล็กๆ หนึ่งได้บันทึกข้อมูลสองสิ่งไว้อย่างรวดเร็ว

 

นักร้องเพลงแจ๊ซ ชื่อ เร ชาร์ล และ….

 

‘โทนี่’

 

———————–

 

สัญญาณที่ 10 คือ กาแฟดำ

 

เขาว่ากันว่ากาแฟประจำสำนักงานซีไอเอรสชาติพอใช้ แต่นโปเลียนไม่เห็นด้วย

 

‘ดีกว่าน้ำล้างจานนิดเดียว’ เขาให้ความเห็นกับหัวหน้าอย่างสุกภาพ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเสิร์ฟกาแฟให้นโปเลียนอีกอย่างน่าน้อยใจ แต่ใช่ว่ากาแฟดีๆ จะไม่สามารถหาได้เลย

 

นอกกำแพงของส่วนราชการ มีร้านกาแฟเล็กๆ ตั้งอยู่อีกฝั่งของถนน เคียงข้างพื้นที่โล่งของลานจอดรถสำหรับแขกและสวนหย่อมเล็กๆ ประปรายด้วยต้นแปะก๊วยสีเหลืองทอง ทั้งร้านถูกสร้างจากไม้อย่างไม่ค่อยประณีต จนดูเหมือนเพิงขายน้ำมะนาวสมัยเด็ก ล้อมบริเวณด้วยโต๊ะกลมและเก้าอี้ตีจากไม้ขาว ใบสีนวลของต้นไม้เปลี่ยนสีร่วงกองเกลื่อนพื้น อัดแน่นทั่วบริเวณตั้งแต่เที่ยงราวกับพรมเอเชีย

 

เชื่อก็เชื่อเถอะ…สภาพเหมือนร้านขายของเก่าแบบนี้กลับมาพร้อมรสกาแฟเข้ม ส่งกลิ่นหอมอวลโชยไปไกลถึงหน้าทางเข้าสำนักงานซีไอเอพาคนจมูกไวอย่างนโปเลียนมาเป็นลูกค้าได้ไม่ยาก

 

รวมไปถึงซีไอเอคนอื่นด้วย

 

‘จะไหม้แล้ว..’

 

โซโลคิดอย่างอดไม่ได้ มือรับแก้วกระดาษบรรจุกาแฟกรุ่นร้อนจากคองโกขึ้นมาถือในมือ ขณะดวงตาสีฟ้าจับจ้องไปยังจุดหนึ่งไม่วางตา

 

“เขามานั่งตรงนั้นตั้งแต่ 7 โมงแล้วล่ะ นั่งแค่แปปเดียวก็หลับปุ๋ยเลย นี่ขนาดดื่มกาแฟดำไปแล้วนะ..ไม่รู้เหนื่อยมาจากไหน”

 

เจ้าของร้านยักไหล่ชี้แจงเมื่อลูกค้าประจำจ้องเป๋งไปยังลูกค้าอีกท่านไม่วางตา แถมยังทำคิ้วขมวดมุ่นอย่างผิดวิสัย

 

ถัดไปประมาณสิบช่วงก้าว โต๊ะกลมสองที่นั่งโดนจับจองโดยชายเจ้าของใบหน้าคุ้นตาดูง่วงงุนไม่เปลี่ยนแปลง เส้นผมดกหนาสีน้ำตาลเข้มเหมือนจะยาวจากครั้งก่อนเล็กน้อยตกลงปรกดวงตาปิดสนิท ไม่ต้องดูร่างที่โอนเอียงหมิ่นเหม่ไปข้างหนึ่งของ ‘โทนี่’ ก็รู้ได้ว่าหัวหน้าฝ่ายปลอมแปลงตอนนี้กำลังหลับลึก ปล่อยใบแปะก๊วยจิ๋วตกแซมลงบนเส้นผม โดยไม่รู้ตัวสักนิดว่าก้านบุหรี่ที่คาบอยู่ในปากกำลังเอียงตกลงในองศาจวนจะหลุดลงตัก ไหม้เนื้อขาวๆ ของอีกคนได้ทุกเมื่อ

 

“รู้จักกันเหรอครับ..?” เจ้าของร้านถาม

 

“แค่ชื่อต้นครับ” นโปเลียนตอบ มือหยิบก้อนน้ำตาล 4 ลูกถ้วนหย่อนลงในถ้วยกาแฟโดยไม่หันมอง เพราะดวงตายังไม่ละไปจากริมฝีปากได้รูปเผยอออกเล็กน้อย กั้นด้วยน้ำหนักของก้นก้านบุหรี่มวนขาว ปล่อยควันฉุยจางๆ

 

และนโปเลียนก็เห็นอีกคนขยับริมฝีปาก

 

‘จะไหม้แล้ว..!!’

 

เท้าก้าวไปไวยิ่งกว่าความคิด นโปเลียนเอื้อมมือประคองก้านบุหรี่ที่ทำท่าจะหลุดลงมาอย่างทันท่วงที่ ก่อนจะอึ้งกับความหุนหันของตัวไปชั่วอึดใจ มือแข็งกลางอากาศในสภาพคีบบุหรี่เอียงหมิ่นจวนจะหล่น และด้วยไม่รู้จะทำอย่างไรกับของในมือต่อ การกระทำสิ้นคิดที่สุดก็เกิดขึ้น

 

นโปเลียนใช้นิ้วโป้งกดริมฝีากล่างของโทนี่ลงเล็กน้อยพอให้สอดปลายบุหรี่กลับเข้าไปในโพรงปากชื้นอย่างเบามือเหมือนกำลังทำขนมอบ กลิ่นผ่อนคลายอย่างควันผสมวานิลาและกาแฟขมกลับนำพาเพียงความตื่นเต้นไร้ที่มาอย่างไม่ค่อยเป็นบ่อยนัก

 

รวมถึงความรู้สึกจั๊กจี้อย่างแปลกประหลาดตรงปลายนิ้ว

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที นโปเลียนยิ้มกระหยิ่มมุมปากกับความนุ่มนวลแผ่วเบาสมเป็นโจรมือไวของตน… ซึ่งตกหายไปจากใบหน้าทันทีเมื่อเงยสบดวงตาสีน้ำตาลอ่อนในระยะประชิด

 

“โอ๊ะ..” ทั้งคู่ส่งเสียงประสานกัน

 

———————–

 

สัญญาณที่ 11 คือ ใบแปะก๊วย

 

“อย่างงั้นเองเหรอครับ..? ผมนึกว่ากำลังโดนขโมยบุหรี่ซะอีก ตกใจหมดเลย” คนตัวสูงกว่าเปลี่ยนท่าทีสงสัยกึ่งระแวง เป็นขบขันในทันทีเมื่อนโปเลียนพยายามอธิบายเรื่องราว (เกือบจะเรียกได้ว่าแตกตื่น)

 

“ผมไม่สูบบุหรี่ครับไม่ต้องห่วง” นโปเลียนหัวเราะแห้ง โล่งใจไปเปราะเมื่อสายตาแหลมคมแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นเหมาะกับดวงตาสีอ่อนของอีกฝ่ายเช่นเดิม บุหรี่ตัวดีกลับคืนสู่มือของโทนี่อย่างปลอดภัย

 

“ไม่สูบ..? อยากให้ผมดับมันก่อนไหมครับ..?”

 

นโปเลียนส่ายหัวเมื่ออีกคนทำทีจะดับปลายมวนกับถาดรองบุหรี่

 

“ไม่เป็นไรครับ อันที่จริง กลิ่นบุหรี่คุณค่อนข้างหอมกว่ากลิ่นทั่วไป ไม่ทราบว่าเป็นบุหรี่ของอะไรงั้นเหรอครับ..?”

 

โทนี่ดูแปลกใจที่คนไม่สูบบุหรี่อย่างเขาเอ่ยถามถึง ก่อนทำหน้าครุ่นคิด “อา..น่าจะของญี่ปุ่นครับ เห็นว่าเป็นบุหรี่เพื่อสุขภาพอะไรนี่แหละ ได้มาเป็นของขวัญวันคริสมาสต์หลายกล่องเสียจนดูดยังไงก็ไม่หมดลังเสียที..” ว่าแล้วก็ล้วงหยิบกล่องสีขาวสะอาดขึ้นมาให้ดู

 

นโปเลียนจับมันมาพลิกไปมาในมือ แต่อ่านไม่ออกเลยสักนิดนอกจากคำว่า ‘Healthy cigarette’ แต่ถึงจะสงสัยกลิ่นหวานๆ ของมันก็จริง จุดประสงค์หลักคงไม่พ้นอยากหาเรื่องคุยกับชายที่ดูพูดน้อยเบื้องหน้า

 

ยามความเงียบเริ่มโรยตัวรอบบรรยากาศน่านอนของยามเช้า เขาลองเงยหน้ามองใบหน้าคมแต่ยังมีเค้าละมุนตาเริ่มฉายแววง่วงเหงาไม่เลิกอีกครั้ง

 

“ผมชื่อ นโปเลียน โซโลครับ..” เขาฉวยโอกาสนั้นแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม โทนี่กระตุกยิ้มมุมปากรับ

 

“ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร” หนวดเคราที่ช่วยให้ใบหน้าอีกคนดูอ่อนโยนมากกว่าดุดันขยับตามรอยยิ้มแย้มกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของนโปเลียน “ผมเคยสร้างตัวตนลับให้คุณสองสามครั้งได้…เป็นลูกค้าที่ช่างเลือกเอาเรื่องเลยนะครับ”

 

“งั้นบทคนสวนตอนนั้น..?”

 

“ของผมครับ” ตอบเสร็จก็ทำหน้าตายใส่สีหน้าปุเลี่ยนของอดีตโจรหนุ่ม ช่างแสนขัดกับประกายขบขันในดวงตาสีเจือน้ำผึ้งดูอบอุ่น พอเห็นแบบนั้น เรื่องที่ควรหงุดหงิดกลับหายไปในบัดดล

 

“อ้ะ!”

 

“ครับ..?”

 

โทนี่อุทานเมื่อก้มมองนาฬิกาบอกเวลา 8.15 น. สีหน้าตกใจพาลให้อีกคนแตกตื่นไปด้วย ก่อนโทนี่จะดับบุหรี่และกวาดเอกสารบนโต๊ะลงกระเป๋าสะพายอย่างรีบร้อน “ขอโทษที่เสียมารยาทครับ ผมมีประชุมตอน 8.30 น. ต้องรีบไปตอนนี้ไม่งั้นสายแน่”

 

นโปเลียนเกือบโพล่งว่า ‘อีกตั้ง 15 นาที อยู่ต่อก่อนได้ไหมครับ’ ไป แต่พอคิดดูแล้ว มันฟังดูงอแงอย่างไรไม่ถูก จึงทำได้แต่มองคนตรงเวลาเร่งรีบเก็บข้าวของ

 

แต่..จะไปประชุมสภาพนั้นน่ะเหรอ..?

 

นโปเลียนเลิกคิ้วมองสภาพเส้นผมยุ่งเหยิง แซมด้วยใบสีเหลืองของแปะก๊วยเต็มศีรษะก้มๆเงยๆอยู่เหนือเอกสาร

 

“ขอตัวก่อนนะครับ”

 

นโปเลียนผุดลุกตามโดยอัตโนมัติ “โทนี่ครับ!”

 

เจ้าของชื่อชะงักเท้า หันขวับมาหาด้วยหน้าตางงงวยเล็กน้อย “คุณรู้ชื่อผ–”

 

นโปเลียนไม่เว้นว่างให้คนสูงกว่าถามจบประโยค ก้าวขาเข้าชิดพร้อมยกมือขึ้นเหนือหัว แทรกปลายนิ้วลงในเส้นผมอ่อนนุ่มโดยไม่แม้แต่ถามความสมัครใจของเจ้าตัว  โทนี่ชะงักหลับตาแน่นลงตามสัญชาตญาณ ท่าทางแบบนั้นทำให้นโปเลียนอดยิ้มไม่ได้

 

“ขี้เซาจนได้เรื่องเลยนะครับ” นโปเลียนแซวและหยิบใบไม้ออกมาโชว์สายตาขุ่นเคืองแทนคำอธิบาย ก่อนถือวิสาสะใช้มือสองข้างช่วยหยิบสิ่งแปลกปลอมเพิ่ม คนโดนแตะนั่นนี่ได้แต่อ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูก

 

“ผมเอาออกเองได้นะ” โทนี่ว่า สีหน้าดูลำบากใจเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดนโปเลียนได้

 

“จะหมดแล้วครับ”

 

เขาโกหก..

 

ใบแป๊ะก๊วยหลุดเกือบหมดนานแล้ว แต่นโปเลียนแค่รู้สึกชอบสัมผัสของเส้นผมสีเข้มในมือและอยากลูบมันอีกหน่อยก็เท่านั้น พลางพินิจมองสีปะปนระหว่างน้ำตาลเข้มและอ่อนจากการโดนแดดเลีย ส่วนคนลำบากใจก็ได้แต่ขยับศีรษะเข้าหาเพื่อให้อีกคนหยิบได้ง่ายขึ้น ซึ่งการกระทำนั้นไม่พ้นสายตานโปเลียน

 

“มีอะไรตลกงั้นเหรอ..?” เป็นโทนี่เองที่เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้

 

“เปล่านี่ครับ..”

 

“แต่ยิ้มปากกว้างมากเลยนะครับ”

 

รอยยิ้มโชว์ฟันเรียงสวยกลายเป็นเสียงกระแอมไอหลอกในลำคอ “แค่ดันคิดอะไรตลกๆ ก็เท่านั้นเองครับ”

 

โทนี่เอียงคอ เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม คนโดนซักเงียบๆ จึงผละมือออกจากเส้นผมอีกคนด้วยสีหน้าเหมือนเสียดาย นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนเหลือบมองพื้นชั่วครู่ ก่อนเงยหน้าส่งรอยยิ้มน้อยๆ มีเลศนัย

 

‘คุณน่ะ น่ารักดีจังนะ’ เผลอคิดแบบนี้ไปล่ะครับ”

 

โทนี่หลุดหัวเราะออกมา “ขอโทษที่ทำให้คิดเรื่องน่าขนลุกแบบนั้นนะ”

 

แม้จะทำท่าทีเหมือนตลก แต่นโปเลียนแอบเห็นดวงตาหลุบลงอัตโนมัติและปลายหูมนขึ้นสีแดงน้อย ๆ

 

นโปเลียนมองภาพนั้นยิ้มๆ “ไม่เลยครับ…ไม่เลยสักนิด”

 

—————-

 

สัญญาณที่ 33 ..?

 

คือ แดงเรื่อ

 

กลิ่นบุหรี่น่าหงุดหงิดลอยแตะจมูกนโปเลียนทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องประชุม

 

“นโปเลียนจะเป็นฝ่ายภาคสนามร่วมกับเรา ในคดียักยอกที่มีผู้ก่อการร้ายเป็นตัวสนับสนุน…” หัวหน้าแนะนำ พลางพยักเพยิดให้นโปเลียนนั่งข้างๆ ตน ขณะที่ผู้มาใหม่เพียงกวาดตามองรอบห้องลวกๆ ก่อนสายตาจะไปปะเข้ากับร่างสูงฝั่งตรงข้าม

 

ใบหน้าง่วงงุนประปรายเคราตามแนวคางกำลังก้มอ่านเอกสารในมือโดยไม่เหลือบมองโซโลสักนิด ผิวแก้มอีกคนดูมีเลือดฝาดเหมือนพึ่งวิ่งผ่านแดดมาอย่างรีบร้อน บุหรี่หน้าตาธรรมดาบรรจงคาบตรงมุมปากชวนให้รู้สึกเดจาวูตงิดๆ

 

เพียงอึดใจเดียว เก้าอี้ข้างหัวหน้าถูกดันกลับเข้าที่เดิม ร่างสูงของโจรกลับใจชักเท้าเปลี่ยนทิศท่ามกลางสีหน้าแปลกใจของคนในห้อง ก่อนหยุดยืนอยู่ข้างหลังที่นั่งข้างๆ ‘โทนี่’

 

“ผมขอนั่งตรงนี้นะครับ..?”

 

นัยน์ตาสีอำพันเหลือบมองขึ้น บางอย่างในนั้นส่องประกายขึ้นมาวูบนึงเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ก่อนจะดับหายไปโดยไม่ทันได้แปลความ เหลือเพียงแววอบอุ่นเรียบเฉยอันคุ้นเคย

 

เจ้าตัวเอียงคอพินิจ “..โทษที เอล็กซ์นั่งตรงนั้นแล้ว”

 

นโปเลียนก้มมองแก้วกาแฟและแฟ้มเหนือโต๊ะ ก่อนบรรจงดันทั้งสองสิ่งนั้นไปฝั่งตรงข้าม  “เอล็กซ์ย้ายที่แล้วครับ” พูดเสร็จก็หย่อนตัวลงนั่ง หาได้สนใจเสียงสบถของหัวหน้าหรือดวงตาตำหนิเบาบางจากคนในแผนก แต่ตอนนี้โซโลกำลังให้ความสนใจกับดวงตาสีอ่อนข้างๆ ซึ่งปรากฎแววใคร่รู้ได้อย่างน่ามองที่สุด

 

“…นั่นไม่สุภาพเลยนะครับ คุณโซโล”

 

“ถ้าเรียกผมว่านโปเลียน ผมจะสุภาพกับทุกคนให้คุณครับ”

 

นโปเลียนยิ่งฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงหัวหน้าสบถดัง “โอ้ยเวร อีกแล้วเรอะ!” แต่ดวงตาสีฟ้ายังไม่ละไปจากใบหน้าละมุนส่อความสงสัยปนขบขันจางๆ สีหน้าของโทนี่แสดงออกว่าเข้าใจสิ่งที่พยายามสื่อ แต่กลับดูไม่เชื่ออยู่ในทีว่ามันกำลังเกิดขึ้น…กลางห้องประชุมมีคนจ้องมองร่วมสิบ

 

“คุณโซโล..”

 

“ผมเคยบอกแล้วไงว่าให้เรียกผมว่า นโปเลียน” เจ้าของชื่อย้ำ ยิงฟันกว้างใส่อย่างอารมณ์ดีสวนกระแสคนในห้อง

 

“คุณโซโล” โทนี่ย้ำเสียงเรียบนิ่ง มุมประกระตุกยิ้ม “คุณนั่งตรงนี้ได้..”

 

นโปเลียนยกหมัดร้องเยสในใจ

 

“แต่เงื่อนไข คือ ห้ามเอ่ยขัดในช่วงที่ผมพูดนะครับ”

 

แค่นั้น สบายมาก!

 

“ได้เสมอครับ”

 

 

 

 

‘เวรเอ้ย…’

 

นโปเลียนนั่งหน้านิ่งคิ้วขมวด หลบรอยยิ้มล้อเลียนที่คอยส่งมาให้เป็นระยะจากผู้อำนวยการฝั่งตรงข้าม ขณะดวงตาจับจ้องไปยังชายตัวดีที่กำลังนำเสนอเรื่องตัวตนลับสำหรับแฝงตัวในครั้งนี้อย่างขะมักเขม้น แต่แม้จะอยากยืนขึ้นคัดค้านอย่างไร สิ่งที่สัญญาไว้ตอนต้นกลับค้ำคอชะงัก

 

นโปเลียนต้องสวมรอยเป็นภารโรง..(โรงเรียนรัฐฯด้วย พับผ่าสิ!!)

 

โทนี่ได้หันมาสบตากับนโปเลียนครั้งหนึ่ง ดวงตาขุ่นเขียวไม่ได้ทำอีกฝ่ายกลัวหงอสักนิด กลับกัน สิ่งที่ได้รับ คือ รอยยิ้มน้อยๆ ที่ดูท้าทายอยู่ในที

 

แค่นั้น..พร้อมกับแก้มเจือสีไม่รู้ตัวและดวงตาที่ดูสนุกสนานเหมือนกำลังเล่นอยู่กับเขาแบบนั้น…นโปเลียนก็หายโมโหสนิท

 

 

 

 

 

“ขี้โกงที่สุดครับ”

 

นโปเลียนเริ่มทันทีเมื่อเลิกการประชุม รีบสาวเท้ามายืนข้างๆ หัวหน้าแผนกปลอมแปลงซึ่งมีสีหน้าลำบากใจอีกครั้ง แต่ไม่วายสวนกลับ “มันจำเป็นครับ…ขอโทษที…”

 

“ไปขอโทษมันทำไม” หัวหน้าที่โผล่มาอีกด้านของโทนี่บ่น “ขุดหลุมฝังตัวเองล้วน ๆ  แต่แกก็เจ้าชู้ได้จังหวะจริง ๆ นะ เพราะเมนเดซกำลังหนักใจอยู่เลยว่าจะจัดการกับนิสัยเรื่องมากของนายยังไงดีโดยไม่ต้องเปลี่ยนบทบาทใหม่”

 

เจ้าหน้าที่อ่อนวัยที่สุดในกลุ่มมีสีหน้าเรียบสนิท “เมนเดซนี่ใครครับ..?”

 

โทนี่ชะงักเท้าทันที ก่อนหันมาจ้องคนถามอย่างไม่เชื่อหู “นี่คุณ..ไม่คิดจะจำนามสกุลคนอื่นเลยรึไง..?!”

 

“เอ๋..? อ้าว นามสกุลคุณเหรอ..? คุณมีเชื้อเม็กซิกันด้วยรึครับ..?”

 

โทนี่ขมวดคิ้วใส่แทนคำตอบ หัวหน้าระเบิดหัวเราะกลางทางเดิน

 

“จะจีบเขา แต่รู้แค่ชื่อเนี่ยนะเจ้าเด็กอ่อนหัด!”

 

“หัวหน้า!!”  /  “โห หัวหน้า..”

 

สองเสียงประสานกันโดยอัตโนมัติ ระหว่างคำโอดครวญจากลูกน้องตัวดี และเสียงดังร้อนรนจากลูกน้องมือหนึ่ง

 

“อย่าล้อเล่นสิครับ ไม่มีใครจีบใครทั้งนั้นแหละ–”

 

“แต่ผมจะจีบนะครับ”

 

“….” โทนี่ค่อยๆ หันมาจ้องมองเจ้าของดวงหน้ามนกับรอยยิ้มหมาป่าในคราบลูกแกะ

 

“ไม่ตลกนะครับ…”

 

“พูดจริงครับ”

 

คำพูดจริงจังกลับยิ่งย่นหัวคิ้วของคนโดนขอดื้อๆให้ขมวดเป็นปมยิ่งกว่าเดิม

 

“ผม..ไม่เคยคบกับผู้ชาย…”

 

“ผมสอนให้ได้ครับ” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ไม่สนใจสีหน้าเหมือนคนกินยาฆ่าแมลงของหัวหน้า เพราะใบหูที่แดงเรื่อขึ้นเรื่อยๆของโทนี่ เมนเดซนั้นน่ามองกว่าเยอะ

 

“ผมไม่คบกับเพื่อนร่วมงานครับ” โทนี่ใช้ไม้อื่น

 

“ทำงานคนละแผนก คนละฝ่ายแบบนี้ แทบไม่ต่างจากการทำงานกันคนละที่ เพราะฉะนั้นไม่น่ามีปัญหานะครับ”

 

โทนี่หรี่ตามองรอยยิ้มเริงร่าซึ่งในทีแรกตัวเองรู้สึกเอ็นดูตามประสารุ่นน้องรุ่นพี่ หากตอนนี้เจ้าตัวกลับมองว่ามันดูกวนประสาทขึ้นมาในทันที “คุณนี่…ไม่ค่อยฟังอะไรใครเลยใช่ไหมครับ”

 

นโปเลียนยักไหล่ “ที่จริงผมเป็นผู้ฟังที่ดีนะ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบสิ่งที่ผมตอบโต้ออกไปเท่าไหร่..แต่..ถ้าคุณอยากพิสูจน์ คืนนี้ ทุ่มนึงไปทานมื้อเย็นกับผมไหมครับ..?”

 

โทนี่สวนกลับแทบจะในทันที “ไม่ครับ ผมงานยุ่ง” ก่อนจะก้าวฉับๆ หนีไปทันที แต่มีหรือคนหัวดื้ออย่างนโปเลียนจะยอมแพ้ไปง่ายๆ สองเท้ารีบเร่งตามกระทั่งได้เดินขนาบข้าง ถามต่ออย่างไม่สนใจสีหน้าขุ่นเคือง

 

“มื้อเที่ยงล่ะครับ..?”

 

“ผมเอาข้าวกล่องมา”

 

“ดี เดี๋ยวผมซื้อข้าวกล่องไปกินด้วย”

 

“ไม่ครับ”

 

“พื้นที่ทำงานเป็นพื้นที่สาธารณะนะครับ โทนี่”

 

“งั้นผมจะล็อกห้องทำงาน”

 

“หือ..ลูกบิดแบบ Entrance Lock สะเดาะง่ายนะครับ”

 

“คุณนี่มัน!!”

 

เสียงแหวนาน ๆ ครั้งจะดังจากปากคนใจเย็นและรักสงบอย่างโทนี่เรียกสายตาหลายคู่ได้ชะงัก ยิ่งเห็นภาพการเขม่นกันกลางทางเดินของชายหนุ่มรูปงามเจ้าของข่าวเสียประจำซีไอเอกับร่างสูงสมส่วนของหัวหน้าแผนกมือฉมัง (แม้เหมือนมีแค่ฝ่ายเดียวที่อารมณ์ไม่ดีก็ตาม) ก็ทำให้หลายๆ คนชะโงกหน้าออกจากคอกทำงานอย่างสนใจ เรียกเลือดลมแล่นขึ้นมาแตะแผ่วๆ ตรงผิวแก้มคนเริ่มเหลืออด จนนโปเลียนนึกสงสัยว่าใต้ร่มผ้าอีกคนนั้นจะชมพูระเรื่อน่ามองแบบนี้รึเปล่า

 

“คุณโมโหแล้วน่ารักกว่าที่คิดนะ”

 

“คุณโซโล!!!”

 

เสียงดังรอบสองยังคงไร้ผล เพราะคนโดนตวาดยังยิ้มหน้าระรื่นเกือบเรียกได้ว่าชอบใจ กระทั่งโทนี่ไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากยกปลายนิ้วนวดขมับทั้งสองข้าง และหันหลังขวับเดินจ้ำอ้าวราวกับพายุหนีไปในทันที

 

“รอด้วยสิครับ!!” เสียงรองเท้าหนังสองคู่ดังถี่รัวไปตามทางเดินหินแกรนิต ผสมเสียงหัวเราะทุ้มในลำคอของหนึ่งตัวปัญหา และเสียงกระซิบบ่นเป็นระยะของผู้โดนตามตื๊อ ก่อนจะเบาบางหายลับไปตรงทางเดินหักศอก

 

ผู้อำนวยการซึ่งโดนลูกน้องทั้งสองทิ้งไว้เบื้องหลังยังคงยืนจังงังอยู่ที่เดิม ก่อนพึมพำกับตัวเอง

 

“…มันเอาจริงนะนั่น…”

 

 

— TBC—

 

Talk with ZE:

(กลืนเลข TBC ลงคอและไม่แต่งต่–/ ขอโทษค่ะ เซล้อเล่นค่ะ อภัยให้ด้วยค่ะ)

ไม่ได้พิมพ์ฟิคมาสักพัก รู้สึกฝืดมาก..หากมีข้อติชมในเรื่องภาษาหรือการรักษาคาร์ฯ แจ้งได้นะคะ เพราะเราแต่งคู่นี้จริงๆจังๆ ครั้งแรก เลยไม่มั่นใจเรื่องคาร์เท่าไหร่ มีครั้งนึงที่แต่ง (เกือบ) คู่นี้ แต่เป็นในมุมมองโซโลอย่างเดียว สามารถอ่านได้ที่นี่ค่ะ >> https://goo.gl/U8CCwt

เรื่องนี้ขึ้นชื่อว่า SIGNALS หมายถึงสัญญาณต่างๆ ที่ทั้งคู่จะได้รับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ (ไม่เจอ..?) กัน หากให้นึกภาพก็คงไม่ต่างจากเวลาคุณสะกิดใจอะไรบางอย่างเมื่อพบเจอเรื่องน่าสงสัย แต่สำหรับ 2 คนนี้ ต่างหน่อยที่มันจะพาไปสู่ชีวิตความเป็นเพื่อน พี่น้อง และรักที่ยากจะอธิบายได้ (แต่ต้องกระทำเล—แค่กๆๆ) ดังนั้น อาจมีหลายตอนค่ะ

แต่ใน 1 ตอน จะมี Signals ลำดับแตกต่างกัน โดดไปมาเหมือนตอนนี้ (โดยมีเหตุการณ์เรียงก่อนหน้าหลัง ตามลำดับเลขแน่นอนค่ะ) เพราะฉะนั้น ทุกคนไม่ต้องสงสัยนะคะว่าทำไมนโปเลียนที่ดูเข้าหาโทนี่อย่าละมุนละม่อมในตอนกลาง (10/11) ถึงกลายร่างเป็นปลิงพูดไม่รู้เรื่อง ในตอนท้าย เพราะมันห่างกัน 20 กว่าสัญญาณ ระหว่างนั้นทั้งสองคนก็รู้จักมักจี่กันเรียบร้อยแล้ว (รู้จักกันอย่างไร เดี๋ยวมาต่อให้นะคะ ;> )

 

Request : หากใครมีคำถามเกี่ยวกับคู่นี้ เช่น จูบกันเมื่อไหร่ เดทครั้งแรกเมื่อไหร่ หรือ โทนี่เคยโกนหนวดให้นโปเห็นไหม สามารถเม้นต์ไว้ได้นะคะ ไม่ได้จะตอบนะ เผื่อนี่เอาเป็นไอเดียในการเขียนฟิคเฉยๆ ค่ะ ^__^ (หามุกทางอ้อมหน้าตาเฉย)

 

เรฟน้อยๆ!!

1.บุหรี่ของโทนี่ ไม่มีอยู่จริงค่ะ แต่อิงจากบุหรี่ที่ขึ้นชื่อว่า “Mild”, “Light”, “Ultralight” ที่มักแจ้งผู้บริโภคว่าลดนิโคตินและทาร์ลงเพื่อสุขภาพผู้สูบ (แต่ข่าวลือแว่วว่าเป็นแค่แผนการตลาด) ส่วนเรื่องกลิ่นวนิลานี้….เอาจริงๆ เรามโนค่ะ เราพอหาเรฟได้ว่าพวกกลิ่นวานิลาและผลไม้ต่างๆ มันจะได้รสเมื่อสูบเอง แต่กลิ่นควันในอากาศนี้มีไหมเราไม่ทราบ (ตอนแรกกะจะไปซื้อมาจุดดมเหมือนกัน แต่มันแพง เลยอาศัยพลังมโนเอา..ให้มี มันก็ต้องมี!!!)

บุหรี่ของโทนี่ในเรื่อง Argo เป็นยี่ห้อบุหรี่ปลอม bilson ที่สร้างขึ้นมาสำหรับถ่ายหนังโดยเฉพาะเพื่อลดปัญหาการโฆษณาค่ะ

0

2. Ray Charles เป็นนักร้องที่เราชอบคนหนึ่งค่ะ พอไปนั่งดูช่วงเวลาแล้ว เทปเขาน่าจะยังอยู่ช่วงนั้นเลยจับใส่ลงมาซะเลย เพลงที่เซมโนลงไปในตอนนี้ คือ เพลง Cry (ตอนแรกจะเป็นเพลง Am I Blue แต่แค่คิดก็ขำแล้วค่ะ)  >> https://www.youtube.com/watch?v=aC6zCkzPNK8

3.ดอกแปะก๊วยเปลี่ยนสีจะคลายๆตามภาพนี้นะคะ

3

4. Entrance Lock ลูกบิดแบบทั่วไปนี่แหละค่ะ

 

 

5 thoughts on “[Fic] Signals No. 1, 5 ,10 ,11 & 33 [Napoleon Solo/Tony Mendez] – Argo/U.N.C.L.E

  1. โอยเขินมากๆเลยค่ะ ชอบบรรยากาศเรื่องนี้ นายโซโลก็เต๊าะได้สมเป็นโซโลมากๆ 5555 อ่านแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มตามตลอดเรื่อง บอกอะไรไม่ถูกแล้วนอกจากชอบบบบ! ขอบคุณที่เขียนมาแบ่งปันนะคะ

    ถูกใจ

  2. โอมายกอดดด โง้ยยยย โทนี่น่ารักน่าเก็บ(เข้าห้องมาก) รู้สึกหวงแปลกๆ555 นี่คิดเหมือนกับผอ.เหมือนกันว่า มันเอาจริงแหะ.. รุดหนักหน่วงมาก ระวังเขาหนีไปหาลุงหนวดMI6เด้อ คาร์ดีงามมากเลยค่ะ signalแรกๆยังใสอยู่ รอดูsignalsต่อๆไป555

    ถูกใจ

  3. ละมุน~ รู้สึกได้รับการฮีลค่ะ💕
    เริ่มด้วยความหวานละมุนปิดจบด้วยความโม่ย😂
    อ่านแล้วจั๊กจี้ดีค่ะ ชอบวิธีการจีบแบบนี้จังเลยมันดูเรียบๆแต่อายม้วนแน่นอน แถมโทนี่ในจินตนาการก็ดูน่ารักจนอดเขินไม่ได้เลย
    พูดตรงๆว่าชอบภาษาแบบคุณเซม๊ากมาก มันดูเหมือนอะไรๆค่อยๆดำเนินไปช้าๆไม่รู้สึกว่าโดดไปตามตัวเลขเลย อย่างกับว่าอ่านไปแล้วแต่แค่ลืม55555 รู้สึกอินกับสองคนนี้สุดๆเลยค่ะ/กราบฟิค

    ถูกใจ

  4. น่ารักๆๆสุดๆไปเลยค่ะ
    ตอนแรกเปิดมาดูละมุนๆ แต่พอครึ่งหลังนี่บันเทิงมากค่ะ แต่แนปค่ะแบบรุกหนักมากค่ะ ระวังเค้าหนีไปหาชายอื่นนะคะ

    ถูกใจ

ใส่ความเห็น